การปลูกผมถาวร คือ การผ่าตัดย้ายรากผมจากบริเวณที่มีผมแข็งแรง (donor area) เช่น ท้ายทอยและหลังกกหู มาปลูกในบริเวณที่ผมบางหรือล้าน (recipient area) โดยรากผมที่นำมาปลูกจะยังคงเติบโตได้ตามปกติเหมือนผมที่บริเวณเดิม
การปลูกผมถาวรเป็นการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้อย่างถาวร อย่างไรก็ตาม การปลูกผมถาวรเป็นการผ่าตัดที่มีค่าใช้จ่ายสูง และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้บ้าง เช่น การติดเชื้อ อาการบวมช้ำ และรอยแผลเป็น
การปลูกผมถาวรมี 2 วิธีหลักๆ คือ
การปลูกผมแบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้มานานกว่า 40 ปี แพทย์จะตัดหนังศีรษะเป็นแถบยาวบริเวณท้ายทอยหรือด้านหลังกกหู แล้วแบ่งออกเป็นกราฟผม (follicular unit) ก่อนปลูกลงในบริเวณที่มีปัญหา
การปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นวิธีใหม่ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แพทย์จะใช้เครื่องมือเจาะขนาดเล็กเจาะรากผมออกมาทีละกอ แล้วปลูกลงในบริเวณที่มีปัญหา
การปลูกผมถาวรมักใช้เวลาประมาณ 4-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟผมที่ปลูก คนไข้สามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน แต่อาจมีอาการบวมช้ำและระคายเคืองบริเวณที่ทำการปลูกผม อาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปภายใน 1-2 สัปดาห์
ผลลัพธ์ของการปลูกผมถาวรจะเริ่มเห็นผลชัดเจนภายใน 6-12 เดือน คนไข้จะได้รับผมใหม่ถาวรที่แข็งแรงและหนาเหมือนผมที่บริเวณเดิม
การปลูกผมถาวรเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางอย่างรุนแรง ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และผู้ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงเพียงพอสำหรับการผ่าตัด
ก่อนตัดสินใจปลูกผมถาวร ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพเส้นผมและวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสม
หากกำลังพิจารณาปลูกผม ควรเลือกแพทย์ที่ได้รับใบรับรอง ABHRS เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
นายแพทย์ปภณ อัศววรฤทธิ์ (คุณหมอหมิง) Dr. Paphon Asawaworarit
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายรากผมโดยตรงรับรองโดย #ABHRS American Board of Hair Restoration Surgery 1 ใน 13 แพทย์อเมริกันบอร์ดในไทย ABHRS เป็นบอร์ดเดียวในโลกที่การันตีประสบการณ์และความรู้ความสามารถด้านการปลูกผม เชี่ยวชาญการปลูกผมทุกเทคนิค ทั้ง FUT, FUE และ Combined FUT&FUE ผมขึ้นอย่างมั่นใจ ปลอดภัย ไม่ต้องแก้ ภายใต้แบรนด์ Ultima Hair Center ศูนย์บริการปลูกถ่ายรากผมมาตรฐานระดับโรงพยาบาล ดูแลครบจบทุกปัญหาสุขภาพผมโดย คุณหมอหมิง