ปลูกผมทับแผลเป็น มีโอกาสสำเร็จมากน้อยแค่ไหน?
ไขข้อสงสัย คืนความมั่นใจบนรอยแผลเป็น
ปัญหาผมไม่ขึ้นบนรอยแผลเป็นบนหนังศีรษะ ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ, การผ่าตัด, หรือโรคผิวหนังบางชนิด, สามารถสร้างความกังวลใจและลดทอนความมั่นใจได้ การปลูกผมจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนพิจารณา
การปลูกผมทับบนแผลเป็น มีโอกาสสำเร็จมากน้อยแค่ไหน? เรามาดูในบทความนี้กันครับ
ปลูกผมทับบนแผลเป็น:
การปลูกผมทับบนแผลเป็นมีความซับซ้อนกว่าการปลูกผมบนหนังศีรษะปกติ เนื่องจากบริเวณแผลเป็นมีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม เช่น:
- มีเลือดมาเลี้ยงน้อย: รอยแผลเป็นมักมีเส้นเลือดมาเลี้ยงน้อยกว่าผิวหนังปกติ ทำให้กราฟผมที่ปลูกใหม่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
- เนื้อเยื่อไม่ยืดหยุ่น: เนื้อเยื่อแผลเป็นมักมีความแข็งและยืดหยุ่นน้อยกว่าผิวหนังปกติ มีผลต่ออัตราการขึ้นของกราฟผมได้เช่นกัน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ
ความสำเร็จของการปลูกผมทับบนแผลเป็นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ:
- ลักษณะของแผลเป็น:
- แผลเป็นที่หายดีแล้ว: แผลเป็นที่หายสนิทและคงที่แล้ว จะมีโอกาสปลูกผมสำเร็จมากกว่า
- ประเภทของแผลเป็น: แผลเป็นที่มีลักษณะเรียบและบาง มีโอกาสปลูกผมสำเร็จมากกว่าแผลเป็นนูนหนา (Hypertrophic scar) หรือแผลเป็นคีลอยด์ (Keloid scar)
- เทคนิคการปลูกผม:
- FUT (Follicular Unit Transplantation): เป็นเทคนิคการปลูกผมที่จะได้คุณภาพของกราฟผมดีกว่าเทคนิคอื่น จึงส่งผลดีต่ออัตราการขึ้นหลังปลูกผมทับแผลเป็น
- ความชำนาญของแพทย์: แพทย์ที่มีประสบการณ์ในการปลูกผมทับบนแผลเป็น จะสามารถวางแผนและทำการปลูกผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การดูแลหลังปลูกผม: การดูแลตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญ
อัตราความสำเร็จโดยประมาณ
อัตราความสำเร็จของการปลูกผมบนแผลเป็นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น โดยทั่วไปแล้ว อัตราการการขึ้นของกราฟผม จะอยู่ประมาณ 60-95% ซึ่งมักจะต่ำกว่าการปลูกผมในบริเวณปกติเล็กน้อย
สรุป
การปลูกผมบนแผลเป็นเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาผมไม่ขึ้นบนรอยแผลเป็นได้ แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ
ปลูกผม ปลูกคิ้ว ปลูกจอน ปลูกผมทับแผลเป็น โดย แพทย์ปลูกผม ABHRS American Board
คลินิกปลูกถ่ายรากผมโดยตรง หมอหมิง แอดไลน์:@ultima
หรือ คลิ๊ก https://line.me/R/ti/p/@794qfknw
- การรักษาอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ
https://youtu.be/uMfhotcvbcA
