ปลูกหนวด
ปลูกหนวด
การปลูกหนวด เป็นหัตถการที่นำเส้นผมบริเวณท้ายทอยของผู้ที่ต้องการปลูก ย้ายขึ้นมาปลูกลงบนหนวดทีละกราฟ โดยใช้หลักการคล้ายการปลูกผมแบบ FUE หรือ FUT แต่ใช้จำนวนเส้นผมที่น้อยกว่าเพราะพื้นที่ในการปลูกหนวดน้อยกว่าการปลูกผม
การปลูกหนวดเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหนวดบาง หนวดแหว่ง หนวดมีแผลเป็น ทั้งที่เกิดจากพันธุกรรม อุบัติเหตุ หรือการศัลยกรรม
ขั้นตอนการปลูกหนวด มีดังนี้
- แพทย์จะทำการปรึกษา ประเมินสภาพหนวดของผู้ที่ต้องการปลูก เพื่อวางแผนการปลูกหนวดที่เหมาะสม
- ทำความสะอาดบริเวณท้ายทอยและบริเวณที่จะปลูกหนวด
- นำกราฟผมออกมาจากบริเวณท้ายทอยด้วยเทคนิค FUE หรือ FUT
- นำกราฟผมปลูกลงในบริเวณที่ต้องการจะปลูกหนวดทีละกราฟ
หลังปลูกหนวด ผู้รับบริการอาจมีอาการบวมหรือช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์ ในช่วง 2 เดือนแรกหลังปลูกหนวด หนวดที่ปลูกใหม่จะร่วงไป แต่หลังจากนั้นขนหนวดใหม่จะงอกขึ้นมาใหม่ 3-4 เดือนหลังปลูก และมีอายุการใช้งานยาวนานและยาวขึ้นเหมือนกับหนวดเดิม
ข้อดีของการปลูกหนวด
- ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
- ขนหนวดที่ปลูกใหม่มีสีและลักษณะที่ใกล้เคียงกับขนหนวดเดิม
- ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน
ข้อเสียของการปลูกหนวด
- มีค่าใช้จ่าย
- อาจมีอาการบวมหลังปลูกหนวด 1 สัปดาห์แรก
- ต้องดูแลหลังปลูกหนวดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามต้องการ
- หากคุณภาพในการปลูกหนวดไม่ดี อาจขึ้นน้อยกว่าที่คาดหวังได้
ราคาการปลูกหนวด ขึ้นกับพื้นที่และจำนวนกราฟผมที่ต้องนำมาปลูก เริ่มต้นที่ประมาณ 45,000 บาท โดยราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
- เทคนิคในการปลูกหนวด: การปลูกหนวดมีด้วยกันหลายเทคนิค เช่น การปลูกหนวดแบบ FUE และ FUT ซึ่งเทคนิคที่แตกต่างกันอาจมีคุณภาพและราคาที่แตกต่างกัน
- รูปทรงหนวดที่ต้องการ: การปลูกหนวดสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงหนวดได้ตามต้องการ ซึ่งขนาดของพื้นที่อาจทำให้ราคาแตกต่างกัน
- จำนวนกราฟที่ต้องใช้ในการปลูกหนวด: กราฟคือหน่วยวัดจำนวนเส้นผม โดยการปลูกหนวดแต่ละครั้งอาจต้องใช้จำนวนกราฟที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้ราคาแตกต่างกัน
ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้ราคาการปลูกหนวดแตกต่างกันอีก เช่น ชื่อเสียงของแพทย์ / คลินิก คุณภาพของเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ เทคนิคและความชำนาญของแพทย์ เป็นต้น
หากท่านกำลังพิจารณาปลูกหนวด ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม การปลูกหนวดก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น
- ไม่สามารถปลูกหนวดได้ในทุกกรณี เช่น ผู้ที่มีภาวะผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areata) หรือมีการอักเสบที่ส่งผลให้หนวดร่วงหลุดไป
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น อาการแพ้ยาชา การติดเชื้อ แผลเป็น
หากท่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกหนวด สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้
เทคนิคการปลูกหนวด
การปลูกหนวดสามารถทำได้ด้วยเทคนิคต่างๆ ดังนี้
- เทคนิค FUE (Follicular Unit Excision): เป็นเทคนิคที่แพทย์จะเจาะหรือสไลซ์บริเวณท้ายทอยเพื่อเก็บรากผมทีละหน่วย (Follicular Unit) จากนั้นจึงย้ายรากผมที่เก็บได้ไปปลูกลงในบริเวณที่ต้องการ
- เทคนิค FUT (Follicular Unit Transplantation): เป็นเทคนิคที่แพทย์จะนำหนังศีรษะบางๆจากท้ายทอยออกมาส่วนหนึ่ง นำไปแบ่งเป็นกราฟย่อยๆ ก่อนนำมาปลูกลงยังบริเวณที่แพลนไว้
ข้อดีของเทคนิค FUE คือ แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ไม่ต้องเย็บแผล
ส่วนข้อดีของเทคนิค FUT คือ ได้คุณภาพของกราฟที่สมบูรณ์ อัตราการขึ้นดีกว่า
การเลือกเทคนิคการปลูกหนวดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ลักษณะของหนวดที่ต้องการปลูก สภาพผิวของผู้รับบริการ และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
การดูแลหลังปลูกหนวด
หลังปลูกหนวด ผู้รับบริการควรดูแลตัวเองดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ปลูกหนวด 2 สัปดาห์
- งดใช้เครื่องสำอางบริเวณที่ปลูกหนวดเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- ทายาตามแพทย์แนะนำ
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการปลูกหนวด
หมอหมิง