คลินิกปลูกผม คือ สถานพยาบาลที่ให้บริการปลูกผม โดยการปลูกผมเป็นกระบวนการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณที่มีผมคุณภาพสมบูรณ์ และไม่มีผลกระทบจากผมบางทางกรรมพันธุ์ไปยังบริเวณที่มีผมบางหรือศีรษะล้าน
การปลูกผมมี 2 วิธีหลักๆ คือ ปลูกผมเทคนิค FUT และ ปลูกผมเทคนิค FUE
ปลูกผมเทคนิค FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นวิธีปลูกผมโดยแพทย์จะนำหนังศีรษะบางๆจากบริเวณท้ายทอยออกมา จากนั้นนำไปแบ่งเป็นกราฟผมแต่ละกราฟ แล้วนำกราฟผมไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ
ปลูกผมเทคนิค FUE (Follicular Unit Excision) เป็นวิธีปลูกผมโดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เป็นหัวเจาะขนาดเล็กเจาะนำกราฟผมออกมาจากบริเวณท้ายทอย จากนั้นจึงนำกราฟผมไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ
* การปลูกผมทั้ง FUT และ FUE จะมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน แนะนำศึกษาข้อมูล และปรึกษาแพทย์ที่ชำนาญทั้ง 2 เทคนิคก่อนตัดสินใจปลูกผม
การปลูกผมมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้าน
- ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมั่นใจมากขึ้น
- ผลลัพธ์ของการปลูกผมสามารถอยู่ได้นาน
อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็มีความเสี่ยงบางประการ เช่น
- ผลลัพธ์ของการปลูกผมไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เช่น
ขึ้นไม่ดี ทิศทางและแนวผมดูไม่เป็นธรรมชาติ
ผมด้านหลังที่นำออกมาเหลือบางมากเกินจนเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมา
- อาจเกิดอาการบวมบริเวณหน้าผากและเบ้าตา
- แดง คัน หรือ มีสิวขึ้นหลังปลูกผม
- อาจเกิดแผลเป็นหลังปลูกผม
ในการเลือกคลินิกปลูกผม ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ความชำนาญของแพทย์ แพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านการปลูกผมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
- รีวิวจากลูกค้า ตรวจสอบรีวิวจากลูกค้าจริงที่เคยใช้บริการก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจ
- ความสะอาดและมาตรฐานของคลินิก คลินิกปลูกผมควรมีความสะอาดและมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการเกิดการติดเชื้อ
หากท่านกำลังพิจารณาปลูกผม ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาจากคลินิกต่างๆ ก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกที่เหมาะสม
ในประเทศไทย มีคลินิกปลูกผมเปิดให้บริการอยู่หลายแห่ง โดยคลินิกปลูกผมที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม ได้แก่
- โรงพยาบาลศิริราช
- โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
- โรงพยาบาลกรุงเทพ
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
- โรงพยาบาลยันฮี
- Ultima Hair Center - หมอหมิง
หากท่านที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง แนะนำรีบตรวจกับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุ และรักษาให้ตรงจุดครับ