ปลูกผมผู้หญิง เทคนิคไหนดีที่สุด? (FUE, FUT)
สาวๆ ที่กำลังสนใจปลูกผม คงอยากรู้ว่า "เทคนิคไหน" ที่ "เหมาะ" กับตัวเองที่สุด วันนี้หมอหมิงมาเปรียบเทียบ "2 เทคนิคการปลูกผม" แบบเข้าใจง่ายๆ กันครับ
การปลูกผมจะเป็นการนำกราฟผมจากหนังศีรษะด้านหลังมาปลูกลงยังบริเวณที่ต้องการ
ซึ่งปัจจุบันการนำกราฟผมออกมาจะมีเพียง 2 เทคนิคเท่านั้น คือ
1. FUE (Follicular Unit Excision)
2. FUT (Follicular Unit Transplantation)
FUE (Follicular Unit Excision): เป็นการใช้เครื่องมือหัวเจาะขนาดเล็ก เจาะนำกราฟผมออกมาทีละกราฟจากบริเวณท้ายทอย จากนั้นนำไปปลูกลงบริเวณที่ผมบาง
ข้อดีของการปลูกผม FUE
- มีแผลขนาดเล็กมาก ประมาณ 0.6-0.8 มิลลิเมตร ขึ้นกับขนาดกราฟผมของคนไข้
- แผลหายเร็ว และแผลเป็นจุดเล็กๆ ซึ่งหลังหายดีแล้วมักจะไม่เห็นแผลเป็นเลย
ข้อเสียของการปลูกผม FUE
- ความสมบูรณ์ของกราฟผมน้อยกว่าเทคนิค FUT เล็กน้อย เนื่องจากขณะเจาะกราฟจากด้านหลัง เราไม่เห็นโคนด้านล่างใต้หนังศีรษะ
- ใช้เวลาในการนำกราฟผมด้านหลังออกมานานกว่าการปลูกผม FUT เนื่องจากต้องเจาะออกมาทีละกราฟ
FUT (Follicular Unit Transplantation): เป็นการนำหนังศีรษะบางๆจากบริเวณท้ายทอยออกมาเป็นแถบ จากนั้นนำมาแยกเป็นแต่ละกราฟ แล้วนำไปปลูกลงยังบริเวณที่ต้องการ
ข้อดีของการปลูกผมเทคนิค FUT
- สามารถปลูกผมได้ในจำนวนกราฟที่มาก
- ไม่ทำให้ความหนาแน่นของผมด้านหลังลดลง
- ได้กราฟผมที่มีคุณภาพสูง มีโอกาสรอดของเซลล์รากผมสูง
- โกนผมด้านหลังแคบ สามารถนำผมด้านบนเหนือแนวแผลมาปิดได้ทันทีหลังทำเสร็จ
ข้อเสียของการปลูกผมเทคนิค FUT
- มีแผลเป็นบริเวณท้ายทอย

แล้วเทคนิคไหน "ดีที่สุด" สำหรับผู้หญิง?
ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เรามาดูข้อจำกัดของแต่ละเทคนิคกันครับ
ข้อจำกัดของการปลูกผม FUE: 5 ข้อ
1. ได้กราฟผมจำนวนไม่มาก:
ในคนเอเชียที่ผมด้านหลังมีความหนาแน่นปกติ มักจะสามารถนำกราฟผมด้านหลังออกมาได้ไม่เกิน 2000-2500 กราฟ เพราะผมด้านหลังจะบางลงตามจำนวนกราฟผมที่เรานำออกไป
ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผมบริเวณท้ายทอยที่มี
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผมบางทั้งศีรษะ หรือต้องการปลูกผมลงยังบริเวณกว้าง
2. ระยะเวลา:
ปลูกผมเทคนิค FUE จะใช้เวลานำกราฟผมออกมาจากด้านหลังนานกว่าปลูกผมเทคนิค FUT
ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถนอนคว่ำหน้าได้นาน
3. ความสมบูรณ์ของกราฟผม:
ในขณะนำกราฟผมออกมา อาจมีบางกราฟที่มีความสมบูรณ์ลดลง
เนื่องจากในขั้นตอนการปั่นนำกราฟผมออกมา เราไม่สามารถเห็นตำแหน่งของรากผมใต้ผิวหนังได้
4. ผลลัพธ์:
เนื่องจากความสมบูรณ์ของกราฟผมจากการปลูกผมเทคนิค FUE จะน้อยกว่าเทคนิค FUT ดังนั้นอัตราการขึ้นของกราฟผมก็มักจะน้อยกว่าปลูกผมเทคนิค FUT
และกราฟผมบางส่วนที่นำมาจากเทคนิค FUE หากเจาะมาจากนอก Safe zone หรือโซนที่ได้รับผลจากผมบางทางกรรมพันธุ์ ก็มีโอกาสที่กราฟผมจะอยู่ได้ไม่นาน
5. ความหนาแน่นของผมบริเวณท้ายทอยลดลง:
เนื่องจากเป็นการเจาะนำกราฟผมออกไปปลูกยังอีกบริเวณนึง หากต้องนำออกไปมาก ก็จะทำให้บางเพิ่มขึ้น

ข้อจำกัดของการปลูกผม FUT
1. ไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการไว้ผมด้านหลังที่สั้นมาก เนื่องจากจะทำให้เห็นแนวแผลเป็นได้
2. ไม่เหมาะในคนที่หนังศีรษะด้านหลังตึงมากเกินไป
ในคนที่ต้องการปลูกผมลงพื้นที่ๆกว้าง ต้องใช้กราฟผมเยอะ หากหนังศีรษะด้านหลังตึงมาก จึงไม่เหมาะที่จะนำกราฟผมออกมาโดยเทคนิค FUT
3. ในคนที่ไม่ต้องการมีแผลเป็นแนวยาว หากต้องใช้กราฟผมในการปลูกผมไม่เยอะ จะเหมาะกับเทคนิค FUE มากกว่า
4. คนที่มีความจำเป็นต้องทำให้หนังศีรษะด้านหลังตึงหลังปลูกผม

สรุป
การปลูกผมเทคนิค FUE และ FUT เป็นเทคนิคปลูกผมที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า ลดความกว้างของหน้าผาก
โดยเทคนิคการปลูกผมแบบไหนที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายนั้น แพทย์จะเป็นผู้แนะนำและพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้องการของคนไข้ ขนาดพื้นที่และจำนวนกราฟที่ใช้ในการปลูกผม ความสมบูรณ์ของเส้นผมและหนังศีรษะ เป็นต้น
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญทั้ง 2 เทคนิค: เพื่อประเมินปัญหา และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- ศึกษาข้อมูลให้ดี: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน ความเสี่ยง และการดูแลตัวเองหลังปลูกผม
- เลือกแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐานและคุณไว้ไจ: เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
https://youtu.be/uMfhotcvbcA
ปลูกผม ปลูกคิ้ว ปลูกจอน โดย แพทย์ปลูกผม ABHRS American Board คลินิกปลูกถ่ายรากผมโดยตรง หมอหมิง แอดไลน์:@ultima
หรือ คลิ๊ก https://line.me/R/ti/p/@794qfknw
- การรักษาอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ